กลยุทธ์การเทรดสำหรับรูปแบบช่องสัญญาณขาลง

ทุกรูปแบบการเทรดต้องการแนวทางเฉพาะตัว นี่คือกลยุทธ์บางส่วนที่จะช่วยคุณในการทำกำไรจากการเทรดรูปแบบช่องสัญญาณขาลง: เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวคุณ เป้าหมาย และสไตล์การเทรดของคุณ
1. กลยุทธ์ Breakout (การกลับตัวเป็นขาขึ้น)
เมื่อราคาทะลุเส้นแนวต้านฝั่งบน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีโมเมนตัมที่แข็งแกร่งหรือปริมาณการซื้อขายสูง นั่นมักเป็นสัญญาณการสิ้นสุดแนวโน้มขาลงและการเริ่มต้นของโมเมนตัมใหม่ในขาขึ้น
นี่คือสัญญาณการกลับตัวเป็นขาขึ้นที่มีศักยภาพ และเป็นโอกาสดีในการเปิดสถานะ long
นี่คือวิธีการเทรด:
จุดเข้า: รอให้แท่งเทียนปิดเหนือแนวต้านฝั่งบนอย่างชัดเจน อย่ารีบเข้าในช่วงที่แท่งเทียนพุ่งทะลุขึ้นไป แต่ควรรอให้มันปิดเพื่อยืนยันการเคลื่อนไหวนั้น
Stop-loss: วางไว้ต่ำกว่าจุดต่ำสุดล่าสุดหรือใต้เส้นแนวโน้มฝั่งล่าง เพื่อป้องกันการทะลุหลอก
เป้าหมาย: วัดความสูงของช่องสัญญาน (ระยะระหว่างแนวรับและแนวต้าน) แล้วฉายระยะนั้นขึ้นไปจากจุดที่ราคาพุ่งทะลุ
2. กลยุทธ์ Range-Bound (การเทรดในกรอบราคา)

ไม่ใช่เทรดเดอร์ทุกคนที่จะรอให้เกิดการพุ่งทะลุ บางคนเลือกเทรดภายในแนวโน้ม เพราะเป็นสถานการณ์ที่คาดการณ์ได้ง่ายกว่าและมีความเสี่ยงน้อยกว่า ราคาในช่องสัญญานขาลงมักจะเคลื่อนไหวไปมาระหว่างเส้นแนวต้านและแนวรับ ทำให้มีโอกาสจำนวนมากในการเปิดสถานะ short ใกล้เส้นฝั่งบน และเปิดสถานะ long ใกล้เส้นฝั่งล่าง ในกรณีนี้ กลยุทธ์ Third Touch (การสัมผัสครั้งที่สาม) คือตัวเลือกที่ดี

วิธีการกำหนดจุดเข้า:
การสัมผัสครั้งแรก: ราคาสัมผัสเส้นแนวรับหรือแนวต้านแต่อาจกระดอนกลับ
การสัมผัสครั้งที่สอง: ราคาทดสอบระดับเดิมอีกครั้ง แต่ด้วยโมเมนตัมที่น้อยลง
การสัมผัสครั้งที่สาม: ราคาสัมผัสระดับเดิมอีกครั้ง และครั้งนี้มีแนวโน้มสูงที่จะเกิดการกลับตัวหรือทะลุผ่าน
ในการตั้งค่าคำสั่ง take-profit ให้ใช้สูตรนี้: (ระดับสูงสุดที่จุด A - ระดับต่ำสุดที่จุด A) + จุดเข้า วิธีนี้จะช่วยกำหนดเป้าหมายที่สมเหตุสมผลโดยอิงจากพฤติกรรมราคาในอดีต
สำหรับการตั้ง stop-loss ให้วางไว้ต่ำกว่าเส้นแนวรับหรือจุดต่ำสุดล่าสุดเพียงไม่กี่ pips
หากต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีนี้ โปรดอ่านบทความนี้: "กลยุทธ์การเทรดแบบ Third Touch (การสัมผัสครั้งที่สาม)"
ข้อดีและข้อเสียของรูปแบบช่องสัญญาณขาลง
ช่องสัญญานขาลงเป็นเครื่องมือที่ควรค่าแก่การนำมาใช้งานด้วยเหตุผลดังนี้:
มันค่อนข้างง่ายที่จะสังเกตเห็นเมื่อลากเส้นแนวโน้มแล้ว
มันให้โอกาสในการเทรดหลายรูปแบบ ทั้งการเทรดตามแนวโน้มภายในช่องสัญญานหรือการพุ่งทะลุ
มันใช้งานได้กับทุกตลาด ไม่ว่าจะเป็นตลาดฟอเร็กซ์ ตลาดหุ้น ตลาดสกุลเงินดิจิทัล ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม ทุกรูปแบบการเทรดก็มีข้อเสียของตัวเอง ควรระวังข้อเสียเหล่านี้:
ไม่ใช่ทุกการพุ่งทะลุที่จะเป็นสัญญาณจริง ช่องสัญญานขาลงมักจะเกิดสัญญาณหลอกหากการยืนยันไม่แข็งแรง ดังนั้นไม่ควรรีบเข้าเทรดโดยยังไม่แน่ใจว่ามันเป็น bullish flag จริง ๆ
ต้องลากเส้นแนวโน้มให้ถูกต้องแม่นยำ มิฉะนั้นอาจนำไปสู่คำสั่งซื้อขายที่ผิดพลาด
ตลาดเคลื่อนที่แนวข้าง (sideways ) อาจซับซ้อน ทำให้รูปแบบอาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีนักในภาวะที่มีสภาพคล่องหรือปริมาณการซื้อขายต่ำ

ข้อผิดพลาดทั่วไปที่ควรหลีกเลี่ยง
แม้แต่นักลงทุนมืออาชีพก็อาจทำผิดพลาดได้เมื่อเทรดในช่องสัญญานขาลง แต่คุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดเหล่านี้ได้ด้วยคำแนะนำสั้น ๆ นี้จาก FBS
อย่าเพิ่งเข้าเทรดหากยังไม่มีสัญญาณยืนยัน รอให้แท่งเทียนปิด ปริมาณการซื้อขายพุ่ง หรือมีสัญญาณจากตัวบ่งชี้เสียก่อนพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าเทรดตามสัญญาณทะลุหลอก
อย่ามองข้ามการยืนยันจากปริมาณการซื้อขายหรือสัญญาณจากตัวบ่งชี้ เครื่องมือเหล่านี้สามารถให้เบาะแสเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของการพุ่งทะลุที่อาจเกิดขึ้นได้
อย่าละเลยการจัดการความเสี่ยง ใช้คำสั่ง stop-losses และตั้งเป้าหมายกำไรสมจริง การเทรดในช่วงที่ราคาทะลุแนวโน้มหรือภายในช่องสัญญานโดยไม่คำนึงถึงระดับความเสี่ยงนั้นเป็นวิธีที่ทำให้เสียเงินทุนได้อย่างแน่นอน